Last update: 29 ส.ค. 2566 , 15:37

หลักสูตรที่เปิดสอน ปีการศึกษา 2567

หลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต

          เป็นหลักสูตร 6 ปี ที่ได้รับการรับรองจากสัตวแพทยสภา ผู้สำเร็จการศึกษาสามารถสอบรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพได้ตามกฎหมาย โดยมีการจัดการเรียนการสอน คือ

          ชั้นปีที่ 1 – 3 จัดการเรียนการสอนในระบบทวิภาค โดยศึกษาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป และวิชาพื้นฐานทางคลินิก ซึ่งเน้นกระบวนวิชาที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student Center) และเน้นกระบวนวิชาแก้ไขปัญหาบูรณาการ

          ชั้นปีที่ 4 – 6 จัดการเรียนการสอนในระบบการศึกษาตลอดปี โดยศึกษาในหมวดวิชาทางคลินิก ในการเรียนชั้นปีที่ 6 จะเป็นการเรียนการสอนเฉพาะภาคปฏิบัติ โดยแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อเวียนเข้าฝึกปฏิบัติในหน่วยงานด้านคลินิกต่าง ๆ ได้แก่ คลินิกสัตว์เล็ก คลินิกม้า คลินิกช้างและสัตว์ป่า คลินิกสัตว์เคี้ยวเอื้อง คลินิกสัตว์ปีก คลินิกสัตว์น้ำ คลินิกสุกร สัตวแพทย์สาธารณสุขและพาราคลินิกทางสัตวแพทย์
>>>> เปิดรับสมัครนักเรียนที่สำเร็จแผนการศึกษา : นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในทุกแผนการเรียน (ไม่รับสายอาชีพ)

เรียนจบแล้วทำอะไรได้บ้าง?

          ผู้สำเร็จการศึกษาเป็นสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต ประกอบอาชีพได้ในหลากหลายรูปแบบ และสามารถเลือกประกอบอาชีพทางสัตวแพทย์ได้กับสัตว์ชนิดต่าง ๆ ที่บัณฑิตมีความถนัดและชำนาญ สำหรับแนวทางการประกอบอาชีพ มีดังนี้

ธุรกิจส่วนตัว ผู้ที่สำเร็จการศึกษาสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต และขึ้นทะเบียนใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวแพทย์จากสัตวแพทยสภา สามารถเปิดคลินิกหรือโรงพยาบาลเพื่อให้บริการรักษาและดูแลสุขภาพสัตว์ได้ หรือทำธุรกิจด้านอื่น ๆ ที่ใช้ความสามารถด้านการสัตวแพทย์ เช่น ธุรกิจยาสัตว์ เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับการรักษาสัตว์ จัดตั้งฟาร์มเลี้ยงสัตว์ส่วนตัว เป็นต้น

รับราชการ สามารถประกอบวิชาชีพในหน่วยงานราชการต่าง ๆ ที่ต้องการสัตวแพทย์ เช่น  

    • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อาทิ กรมปศุสัตว์ ทำงานด้านการควบคุมป้องกัน และปราบปรามโรคระบาดสัตว์ในประเทศและระหว่างประเทศ ดูแล ควบคุมกำกับการใช้สารต่าง ๆ ในอาหารสัตว์ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคเนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในการรณรงค์ความปลอดภัยของอาหารทั่วประเทศ
    • กระทรวงมหาดไทย เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองกำกับการสุนัขตำรวจ กองกำกับการตำรวจม้า ฯลฯ เพื่อดูแลรักษาสุขภาพสัตว์ รวมทั้งเป็นนายสัตวแพทย์ประจำหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น เทศบาล เป็นต้น
    • กระทรวงกลาโหม เช่น สำนักงานทหารพัฒนาการกองบัญชาการทหารสูงสุด กรมการสัตว์ทหารบก ศูนย์การสุนัขทหาร กองพันสัตว์ต่าง ฯลฯ เพื่อวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับการจัดหาเวชกรรมป้องกัน รักษาพยาบาลและผลิตสัตว์ เพื่อสนับสนุนหน่วยงานในกองทัพบกและกระทรวงกลาโหม
    • กระทรวงศึกษาธิการ สามารถเป็นอาจารย์สัตวแพทย์ หรือนักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานด้านการเรียนการสอน การวิจัย และดูแลรักษาสุขภาพสัตว์ ในสถาบันอุดมศึกษาหรือสถาบันการศึกษาอื่น ที่จัดการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ
    • กระทรวงสาธารณสุข เช่น กรมควบคุมโรคติดต่อ กรมอนามัย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เป็นต้น

องค์กรธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ เช่น ธุรกิจอาหารสัตว์ ธุรกิจยาสัตว์และวัคซีน ธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์จากเนื้อและนม ธุรกิจฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โดยทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านวิชาการแก่ผู้รับบริการ  และมีโอกาสร่วมงานวิจัยของฝ่ายวิชาการของบริษัทต่าง ๆ

หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เช่น องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย องค์การสวนสัตว์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ องค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย เป็นต้น

 

หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลสัตว์ หลักสูตร 4 ปี

          ชั้นปีที่ 1 – 3 จัดการเรียนการสอนในระบบทวิภาค โดยศึกษาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป และวิชาเฉพาะ ซึ่งเน้นกระบวนวิชาที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student Center) และเน้นกระบวนวิชาแก้ไขปัญหาบูรณาการ

          ชั้นปีที่ 4 จัดการเรียนการสอนในระบบการศึกษาตลอดปี โดยจะมีการนำเสนอผลงานวิจัย การเรียนการสอนในภาคปฏิบัติ และการฝึกสหกิจศึกษาเพื่อฝึกปฏิบัติงานการพยาบาลสัตว์ภายใต้สถานประกอบการสัตวแพทย์จริง
>>>> เปิดรับสมัครนักเรียนที่สำเร็จแผนการศึกษา : นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในทุกแผนการเรียน (ไม่รับสายอาชีพ)

เรียนจบแล้วทำอะไรได้บ้าง?

          ผู้สำเร็จการศึกษา วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลสัตว์  ประกอบอาชีพได้ในหลากหลายรูปแบบ มีดังนี้

  •   นักการพยาบาลสัตว์ในเวชปฏิบัติของสถานพยาบาลสัตว์ภาครัฐบาลและเอกชน
  •   ราชการสังกัดกระทรวง กรม หรือกองที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ อาทิ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
  •   พนักงานบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสัตว์
  •   เจ้าของกิจการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสัตว์
  •   เจ้าหน้าที่สวนสัตว์
  •   นักวิชาการเพาะพันธุ์และอนุรักษ์พันธุ์สัตว์
  •   นักวิชาการโภชนาการสำหรับสัตว์
  •   นักวิจัยที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพสัตว์
  •   อาจารย์ในสถาบันการศึกษา

ค่าเล่าเรียน
สำหรับหลักสูตรสัตวแพทยศาสตรบัณฑิต

อัตราค่าธรรมเนียมการศึกษาระบบทวิภาค
   ภาคการศึกษาปกติ     ภาคการศึกษาละ   20,000  บาท
   ภาคฤดูร้อน              ภาคการศึกษาละ   10,000  บาท
เฉพาะชั้นปีที่ 2
   ภาคการศึกษาปกติ     ภาคการศึกษาละ   25,000  บาท
   ภาคฤดูร้อน              ภาคการศึกษาละ  12,500  บาท
เฉพาะชั้นปีที่ 3
   ภาคการศึกษาปกติ     ภาคการศึกษาละ   30,000  บาท
   ภาคฤดูร้อน              ภาคการศึกษาละ  15,000  บาท
อัตราค่าธรรมเนียมการศึกษาการศึกษาตลอดปี
เฉพาะชั้นปีที่ 4                        ปีการศึกษาละ  60,000  บาท
เฉพาะชั้นปีที่ 5 และชั้นปีที่ 6       ปีการศึกษาละ  70,000  บาท

สำหรับหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการพยาบาลสัตว์

อัตราค่าธรรมเนียมการศึกษาระบบทวิภาค
   ภาคการศึกษาปกติ     ภาคการศึกษาละ   20,000  บาท
   ภาคฤดูร้อน              ภาคการศึกษาละ   10,000  บาท
อัตราค่าธรรมเนียมการศึกษาการศึกษาตลอดปี
เฉพาะชั้นปีที่ 4            ปีการศึกษาละ  40,000  บาท

**ค่าธรรมเนียมการศึกษา เป็นข้อมูล ณ วันที่ 4 สิงหาคม 2566**

ศิษย์เก่าดีเด่น

นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ

ประวัติการศึกษา 
   ปริญญาตรี สัตวแพทยศาสตรบัณฑิต คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปี 2548
   ปริญญาโท วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตรการสัตวแพทย์ (หลักสูตรนานาชาติ คณะสัตวแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ปี 2565


ตำแหน่งหน้าที่ปัจจุบัน
   พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงาน (ระดับ 4) งานอนุรักษ์ช้าง ส่วนอนุรักษ์ช้างลำปาง ฝ่ายอนุรักษ์ช้าง

ประวัติการทำงาน
พ.ศ. 2548-2560 ตำแหน่งนายสัตวแพทย์ ณ สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ  ในพระอุปถัมภ์ฯ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
พ.ศ. 2560-2565 ตำแหน่งนายสัตวแพทย์ ณ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
พ.ศ. 2565 – ปัจจุบัน ตำแหน่งนายสัตวแพทย์ ณ สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ ในพระอุปถัมภ์ฯ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้

งานอื่น ๆ 
     - ปี พศ.2542 เป็นผู้ร่วมก่อตั้งชมรมเพื่อนสัตว์ป่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
     - ปี พศ.2541-2543 ตำแหน่งกรรมการฝ่ายกีฬา สโมสรนักศึกษา คณะสัตว-แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
     - ปี 2545 ตำแหน่งอุปนายกฯ ฝ่ายใน สโมสรนักศึกษา คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
     - ปี2559-2561 ได้รับเชิญเป็นอาจารย์พิเศษ สอนบรรยาย ในกระบวนวิชาภาพลักษณ์ทางสัตวแพทย์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ผลงานดีเด่น
      นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ เริ่มชีวิตการทำงานในปี พ.ศ. 2548 โดยเป็นสัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบัน คชบาลแห่งชาติฯ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ซึ่งในเวลานั้นสัตวแพทย์ที่ทำงานด้านช้างมีจำนวนน้อยมาก ทำให้นอกจากการให้การดูแลและรักษาช้างภายในโรงพยาบาลช้างและช้างจำนวนมากกว่า 100 เชือกภายในศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยแล้ว นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ ยังได้ออกปฏิบัติงานออกตรวจและให้บริการสุขภาพช้าง ที่เป็นของภาคเอกชนและประชนทั่วไป ในสถานที่ต่างๆ ทั้งตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหรือถิ่นทุรกันดารต่างๆ ช้างที่อาศัยอยู่ตาม แนวชายแดนใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ช้างเหล่านั้นได้เข้าถึงและสามารถรับบริการด้านสุขภาพช้างได้มากขึ้น ลดปัญหาเจ็บป่วยที่รุนแรงและ การเสียชีวิตของช้างได้  จากการปฏิบัติงานด้านการดูแลสุขภาพช้างมาเป็นหลายปีจนมีความเข้าใจและชำนาญ นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ ก็ได้ความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาและมอบหมายงานที่เป็นงานสำคัญและเป็นเกียรติสูงสุดของการทำงานคือการได้เป็นนายสัตวแพทย์เวรถวายงานดูแลคุณพระเศวตอดุลยเดชพาหลฯ ช้างเผือกเอกในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ณ โรงช้างต้น พระตำหนักวังไกลกังวล ช้างสำคัญ ณ โรงช้างต้น พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ และช้างสำคัญ ณ โรงช้างต้น จังหวัดลำปาง รวมถึงการถวายงานในโครงการพระราชดำริต่างๆด้านช้าง
       นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ เจริญเติบโตในหน้าที่การงานเป็นลำดับ ในปี พ.ศ. 2554 ถึง พ.ศ. 2558 ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้างานโรงพยาบาลช้างลำปางและหัวหน้าหน่วยช่วยชีวิตช้าง ซึ่งเป็นงานที่สำคัญอีกงานหนึ่งในการควบคุมดูแลและดำเนินงานการให้การบริการสุขภาพช้างทั้งในและนอกโรงพยาบาลช้างให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการควบคุมช้างอาละวาด ช้างตกมัน เพื่อลดความสูญเสียต่อชุมชนและตัวช้างเอง ในปี พ.ศ. 2558 นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งหัวหน้างานโรงพยาบาลช้าง จังหวัดกระบี่ ซึ่งในขณะนั้นทางโรงพยาบาลช้างกระบี่ ได้ก่อตั้งขึ้นตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่มีพระราชประสงค์ให้ช้างเลี้ยงในพื้นที่ภาคใต้ได้รับการดูแลและการบริการสุขภาพช้างอย่างทั่วถึง นอกจากการให้การบริการสุขภาพช้างแล้ว ด้วยในขณะนั้นโรงพยาบาลช้างกระบี่ยังไม่เป็นที่รู้จักของประชาชนในพื้นที่ นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ จึงได้ทำงานเชิงรุกเพื่อให้คนในจังหวัดกระบี่และภาคใต้ตอนล่างรู้จักผ่านโครงการต่างๆ มากมาย จนทำให้โรงพยาบาลช้างกระบี่เป็นความภาคภูมิใจคนจังหวัดกระบี่และสนับสนุนกิจการงานต่างๆของโรงพยาบาลช้างกระบี่มาจนถึงปัจจุบัน
ในปีระหว่างปี พ.ศ. 2560 - พ.ศ. 2565 นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ ได้ลาออกจากองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เพื่อมาทำงานในตำแหน่งสัตวแพทย์ประจำศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านสุขภาพช้างและสนับสนุนการทำงานวิจัยต่างๆ ที่ข้องเกี่ยวกับช้างของอาจารย์ บุคลากรและนักศึกษาของ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผลงานที่สำคัญของนายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ คือการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างความร่วมมือและหางบประมาณสนับสนุนการทำงานของศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่าฯ อาทิเช่น การหางบประมาณจากหน่วยงานต่างชาติเพื่อจัดชื้อรถยนต์ขับเคลื่อนสีล้อสมรรถภาพสูงเพื่อเป็นรถคลินิกช้างเคลื่อนที่ของศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ การประสานงานกับปางช้างต่างๆ จนสามารถก่อตั้งเป็นสมาคมสหพันธ์ช้างไทยในปัจจุบัน ทั้งนี้นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐยังเป็นหนึ่งในคณะทำงานในการขอพื้นและออกแบบ ศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างขั้นตอนของบประมาณการก่อสร้าง ระหว่างที่ทำงานในคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ ก็ได้พัฒนาตัวเองเพิ่มขึ้นในด้านวิชาการโดยการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท สาขาวิทยาศาสตร์การสัตวแพทย์ และสามารถตีพิมพ์ผลงานวิชาการในวารสารนานาชาติระดับควอไทล์ที่ 1 (Q1) จำนวน 2 เรื่อง
       ในปี พ.ศ. 2565 จนถึงปัจจุบัน นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ ได้กลับมาทำงานในโรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้อีกครั้งหนึ่ง โดยนอกเหนือจากการทำงานด้านการให้บริการสุขช้างแล้ว นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ ได้รับมอบหมายให้ทำงานด้านการประชาสัมพันธ์องค์กร การร่วมมือและประสานงานหน่วยงานต่างประเทศเพื่อพัฒนางานด้านวิชาการ การพัฒนาปรับปรุงคุณภาชีวิตช้างไทย และเผยแพร่ความรู้ด้านการเลี้ยงช้างไทยในระดับนานาชาติ ผลงานที่สำคัญในระหว่างการทำงานในสถาบันคชบาลแห่งชาติฯ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ คือได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เป็นคณะทำงานการปฏิบัติงานเคลื่อนย้ายพลายศักดิ์สุรินทร์จากประเทศศรีลังกากลับมายังประเทศไทย ซึ่งนายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐได้รับมอบหมายงานและรับผิดชอบในส่วนสำคัญคือการวางแผนการเตรียมตัวช้าง ควบคุมการเคลื่อนย้ายภาคพื้นดินจากสวนสัตว์เดฮิวาลาไปยังสนามบินในกรุงโคลอมโบ และควบคุมขนย้ายช้างทางอากาศ จนสามารถเคลื่อนย้ายพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมายังประเทศไทยด้วยความปลอดภัย ซึ่งเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับองค์กรและประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง
ด้านงานวิชาการและการถ่ายทอดความรู้ด้านการจัดการสุขภาพช้าง นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ มีผลงานวิชาการทั้งเป็นผู้วิจัยหลักและวิจัยร่วมวิจัยในระดับนานาชาติและในประเทศมากว่า 15 เรื่อง ทั้งนี้ยังได้รับทุนเพื่อไปศึกษาดูงานและนำเสนอผลงานวิชาการช้างในต่างประเทศมากกว่า 10 ครั้ง ในด้านการแบ่งปัญความรู้และประสบการณ์ด้านช้าง นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐได้ให้ความรู้และสอนนักศึกษาสัตวแพทย์ไทยและต่างประเทศจากหลายสถาบัน ทั้งนี้ยังได้รับเชิญจากหน่วยงานรัฐและเอกชนจากต่างประเทศ เช่น เวียดนาม ลาว กัมพูชา เนปาล และพม่า เพื่อไปให้ความรู้และแบ่งปันประสบการณ์การจัดการดูแลสุขภาพช้างและสวัสดิภาพช้างเลี้ยงอีกด้วย

คำประกาศเกียรติคุณ
       นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สัตวแพทยศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และระดับปริญญาโท สัตวแพทยศาสตร์มหาบัณฑิต คณะสัตวแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยนายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ เริ่มชีวิตการทำงานในปี พ.ศ. 2548 โดยเป็นสัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และได้ออกปฏิบัติงานออกตรวจและให้บริการสุขภาพช้าง ที่เป็นของภาคเอกชนและประชนทั่วไป ในสถานที่ต่างๆ ทั้งตามสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหรือถิ่นทุรกันดารต่างๆ ช้างที่อาศัยอยู่ตาม แนวชายแดนใกล้ชิดกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้ช้างเหล่านั้นได้เข้าถึงและสามารถรับบริการด้านสุขภาพช้างได้มากขึ้น ลดปัญหาเจ็บป่วยที่รุนแรงและ การเสียชีวิตของช้างได้
      นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ ได้รับมอบหมายให้เป็นนายสัตวแพทย์เวรถวายงานดูแลคุณพระเศวตอดุลยเดชพาหลฯ ช้างเผือกเอก ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ณ โรงช้างต้น พระตำหนักวังไกลกังวล ช้างสำคัญ ณ โรงช้างต้น พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ และช้างสำคัญ ณ โรงช้างต้น จังหวัดลำปาง รวมถึงการถวายงานในโครงการพระราชดำริต่างๆด้านช้าง
ต่อมา ในปี พ.ศ. 2554-2558 ได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้างานโรงพยาบาลช้างลำปางและหัวหน้าหน่วยช่วยชีวิตช้าง ซึ่งเป็นงานที่สำคัญอีกงานหนึ่งในการควบคุมดูแลและดำเนินงานการให้การบริการสุขภาพช้างทั้งในและนอกโรงพยาบาลช้างให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการควบคุมช้างอาละวาด ช้างตกมัน เพื่อลดความสูญเสียต่อชุมชนและตัวช้างเอง
ต่อมาในปี พ.ศ. 2558 นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ ได้ย้ายไปดำรงตำแหน่งหัวหน้างานโรงพยาบาลช้าง จังหวัดกระบี่ ซึ่งในขณะนั้นทางโรงพยาบาลช้างกระบี่ ได้ก่อตั้งขึ้นตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่มีพระราชประสงค์ให้ช้างเลี้ยงในพื้นที่ภาคใต้ได้รับการดูแลและการบริการสุขภาพช้างอย่างทั่วถึง นอกจากการให้การบริการสุขภาพช้างแล้ว ด้วยในขณะนั้นโรงพยาบาลช้างกระบี่ยังไม่เป็นที่รู้จักของประชาชนในพื้นที่ นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ จึงได้ทำงานเชิงรุกเพื่อให้คนในจังหวัดกระบี่และภาคใต้ตอนล่างรู้จักผ่านโครงการต่างๆ มากมาย จนทำให้โรงพยาบาลช้างกระบี่เป็นความภาคภูมิใจคนจังหวัดกระบี่และสนับสนุนกิจการงานต่างๆของโรงพยาบาลช้างกระบี่มาจนถึงปัจจุบัน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2560-2565 นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ ได้มาทำงานในตำแหน่งสัตวแพทย์ประจำศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่า คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลงานด้านสุขภาพช้าง, สนับสนุนการทำงานวิจัยต่างๆ ที่ข้องเกี่ยวกับช้างของอาจารย์ บุคลากรและนักศึกษาของ คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อสร้างความร่วมมือและหางบประมาณสนับสนุนการทำงานของศูนย์สุขภาพช้างและสัตว์ป่าฯ
ในปี พ.ศ. 2565 จนถึงปัจจุบัน นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ ได้กลับมาทำงานในโรงพยาบาลช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้อีกครั้ง โดยได้รับมอบหมายให้ทำงาน ด้านการประชาสัมพันธ์องค์กร การร่วมมือและประสานงานหน่วยงานต่างประเทศเพื่อพัฒนางานด้านวิชาการ การพัฒนาปรับปรุงคุณภาพชีวิตช้างไทย และเผยแพร่ความรู้ด้านการเลี้ยงช้างไทยในระดับนานาชาติ และอีกผลงานที่สำคัญ คือได้รับมอบหมายให้เป็นคณะทำงานการปฏิบัติงานเคลื่อนย้ายพลายศักดิ์สุรินทร์จากประเทศศรีลังกากลับมายังประเทศไทย ซึ่งได้รับมอบหมายงานและรับผิดชอบในส่วนสำคัญคือการวางแผนการเตรียมตัวช้าง ควบคุมการเคลื่อนย้ายภาคพื้นดินจากสวนสัตว์เดฮิวาลาไปยังสนามบินในกรุงโคลอมโบ และควบคุมขนย้ายช้างทางอากาศ จนสามารถเคลื่อนย้ายพลายศักดิ์สุรินทร์กลับมายังประเทศไทยด้วยความปลอดภัย ซึ่งเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับองค์กรและประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง
       ทั้งนี้ นายสัตวแพทย์ขจรพัฒน์ บุญประเสริฐ ยังเป็นบุคคลที่มีความมุ่งมั่น ขยันหมั่นเพียร ศึกษาหาความรู้ เพื่อพัฒนาตน พัฒนางาน และส่งเสริมองค์กรในการบูรณาการทางด้านวิชาการและวิชาชีพ จนเป็นผู้ที่ประสบผลสำเร็จทาง ด้านวิชาชีพ และทำคุณประโยชน์เพื่อสังคม ด้วยเกียรติประวัติอันทรงคุณค่า ผลงานที่ดี ถือเป็นผู้เหมาะสมในการเป็นศิษย์เก่าดีเด่น สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2566 เพื่อเป็นเกียรติสืบไป

ความประทับในต่อรางวัลที่ได้รับ
        ข้าพเจ้าฯมีความภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการพิจารณาเป็นผู้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เนื่องใน“วันมหิดล” พ.ศ. 2566 ของคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้วยข้าพเจ้าฯเป็นผู้เคยได้รับทุน “หมอเจ้าฟ้า” คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตลอดการศึกษาในระดับปริญญาตรี อีกทั้งกองทุนนี้เป็นกองทุนที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณแห่งองค์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกฯ ดังนั้นการได้รับการพิจารณาให้ได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น สาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ เนื่องใน“วันมหิดล” นั้นจึงเป็นความภูมิใจสูงสุดของข้าพเจ้าฯ และเสมือนข้าพเจ้าฯได้ตอบแทนพระคุณต่อกองทุน “หมอเจ้าฟ้า” ซึ่งเป็นผู้มอบโอกาสให้ข้าพเจ้าฯ ได้รับโอกาสในการศึกษาและนำความรู้จากการศึกษาเล่าเรียนมาประกอบสัมมาอาชีพที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ โดยเฉพาะการอนุรักษ์ช้างไทยซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของประเทศไทย รวมถึงนำความรู้และประสบการณ์จากการทำงานตลอด 18 ปี แบ่งปันต่อประชาคมช้างโลก และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติในเรื่องการอนุรักษ์ช้าง

กิจกรรมเสริมหลักสูตร

    คณะสัตวแพทยศาสตร์เล็งเห็นความสำคัญของการทำกิจกรรมหลักสูตร จึงสนับสนุนให้นักศึกษาเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพนักศึกษาทางด้านวิชาการ คุณภาพชีวิต การเรียนรู้นอกห้องเรียน และการทำงานร่วมกันในหมู่นักศึกษา กิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมด้านส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม กิจกรรมด้านจรรยาบรรณวิชาชีพ ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม และกิจกรรมกีฬา เป็นต้น

ความร่วมมือกับต่างประเทศ

คณะสัตวแพทยศาสตร์มีความร่วมมือทางวิชาการกับองค์กร และสถาบันต่างประเทศในหลาย ๆ ด้าน ทั้งทางด้านการศึกษา ฝึกอบรม และการวิจัย ดังนี้
1. โครงการร่วมจัดการเรียนการสอน และกิจกรรมบริการทางวิชาการ
2. การแลกเปลี่ยนนักศึกษากับมหาวิทยาลัยและองค์กรในต่างประเทศ อาทิ
    - College of Veterinary Medicine, Michigan State University ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยคณะสัตวแพทยศาสตร์จัดส่งนักศึกษา รุ่นละ 2 คน เข้าฝึกคลินิกปฏิบัติ เป็นระยะเวลาประมาณ 7 - 9 สัปดาห์
    - National Chung – Hsing University ประเทศไต้หวัน โดยคณะสัตวแพทยศาสตร์จัดส่งนักศึกษา รุ่นละ 2 คน เข้าฝึกคลินิกปฏิบัติ เป็นระยะเวลาประมาณ 4 สัปดาห์
    - Nippon Veterinary and Life Science University ประเทศญี่ปุ่น โดยคณะสัตวแพทยศาสตร์จัดส่งนักศึกษา จำนวน 2 คน เข้าฝึกคลินิกปฏิบัติ เป็นระยะเวลาประมาณ 3 - 4 สัปดาห์
    - Utrecht Universiteit ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยคณะสัตวแพทยศาสตร์จัดส่งนักศึกษา จำนวน 2 คน เข้าฝึกคลินิกปฏิบัติ เป็นระยะเวลาประมาณ 4 สัปดาห์
    - Gadjah Mada University ประเทศอินโดนีเซีย โดยคณะสัตวแพทยศาสตร์จัดส่งนักศึกษา รุ่นละ 2 คน เข้าฝึกคลินิกปฏิบัติ เป็นระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ โดยฝึกปฏิบัติทางด้านสัตว์เล็ก/สัตว์ป่า
3. โครงการเดินทางไปราชการเพื่อเสนอผลงาน ประชุม ฝึกอบรม ศึกษาดูงาน ณ ต่างประเทศ

ข้อมูลการรับเข้าศึกษา TCAS

สามารถดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์
สำนักทะเบียนและประมวลผล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

งานบริการการศึกษาและพัฒนาคุณภาพนักศึกษา คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง  จังหวัดเชียงใหม่ 50100  
โทรศัพท์ : 053-948009  
โทรสาร : 053-948065
E-mail : edvetcmu@gmail.com  
Website : www.vet.cmu.ac.th  
Facebook : การศึกษา สัตวแพทย์ มช.

ดาวน์โหลด PDF:

ยังไม่มีไฟล์ดาวน์โหลด

คณะสัตวแพทยศาสตร์

  • ดาวน์โหลด PDF: ยังไม่มีไฟล์ดาวน์โหลด